การระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโคโรนาส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมทั่วโลกแทบจะหยุดชะงัก จากมาตรการจำกัดการเดินทางของประเทศต่างๆ สถานที่ที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงา อีกทั้งงานอีเวนต์สำคัญต่างๆ ยังถูกยกเลิกหรือเลื่อนกำหนดการออกไป จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าไวรัสโคโรนาได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชากรโลกไม่น้อย
แต่ในสถานการณ์เลวร้ายก็ยังมีมุมมองดีๆ จาก"ลี เอเดลคอร์"นักพยากรณ์เทรนด์ชาวเนเธอร์แลนด์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักพยากรณ์เทรนด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยมีผลงานในการให้คำปรึกษาบริษัทแฟชั่นและแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก โดยได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในด้านแฟชั่น
โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ Dezeen ในเวลาเดียวกันกับที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีลงนามในข้อบังคับปิดเมืองทางตอนเหนือของอิตาลี รวมถึงมิลานและเวนิซ ซึ่งเป็นพื้นที่แฟชั่นและอุตสาหกรรมการออกแบบ และนี่คือบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา และโลกที่จะเปลี่ยนไป จากการระบาดครั้งนี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วกับภาคธุรกิจออกแบบและแฟชั่นในขณะนี้
ผลกระทบที่แท้จริงจากการปิดอิตาลีและญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลีและจีน จะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในระดับโลกครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่ไม่ใช่วิกฤตทางการเงิน แต่เป็นวิกฤตจากการชะงักงัน คนหยุดเดินทางไปมา หยุดออกนอกบ้าน หยุดใช้เงิน หยุดเที่ยววันหยุด หยุดทำกิจกรรมทางวัฒนธรรม แม้กระทั่งไปโบสถ์
การเลื่อนจัดงานทั้ง Salone del Mobile, Venice Architecture Biennale พิธีฮัจญ์ โอลิมปิกเกมส์ก็อาจจะเลื่อน และอื่นๆ ที่จะตามมา ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ เงินจะหยุดหมุนเวียน ทุกภาคส่วนจะระส่ำระสาย โดยเฉพาะแบรนด์หรูต่างๆ สายการบิน ธุรกิจโรงแรม อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารนำเข้า
โชคร้ายที่ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ได้มีทางรักษาให้หายขาดทันที เราจำเป็นต้องเราต้องเก็บกวาดสิ่งที่เหลืออยู่และสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่จากร่องรอยที่เหลืออยู่ หลังจากที่สามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว สิ่งที่ฉันวาดหวังไว้ก็คือ ระบบใหม่ที่ดีกว่า ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเคารพในแรงงานและเงื่อนไขของมนุษย์มากกว่าเดิม ในที่สุด เราก็จะถูกบีบให้ทำสิ่งที่เราควรจะทำตั้งแต่แรก